โลหะ

ก.ค. 4

2 นาทีที่อ่าน

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดราคาทองคำ

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดราคาทองคำ

ทองคำเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีค่าที่สุดในโลก เป็นโลหะมีค่าที่มีคุณค่ามาตลอดประวัติศาสตร์ ทองคำเป็นสินค้าที่สามารถจับต้องได้โดยไม่เสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งแตกต่างไปจากเงินกระดาษ แม้ว่าระบบเงินเฟียตได้ถูกนำเข้ามาแทนที่ทองคำเป็นสกุลเงินโลกทั้งหมดแต่ทองคำยังคงรักษามูลค่าที่แท้จริง และมูลค่าทางเศรษฐกิจเอาไว้ได้

มีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการกำหนดราคาทองคำ

  1. นโยบายการเงินของธนาคารกลาง

ธนาคารกลางมีอำนาจอย่างมหาศาลในการกำหนดราคาตลาดทองคำทั่วโลก ประการแรก ธนาคารกลางเป็นผู้ถือทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของประเทศในรูปแบบของทองคำที่สามารถจับต้องได้ หากธนาคารพาณิชย์เพิ่ม หรือลดตำแหน่งทองคำอย่างกระทันหัน แม้แต่เพียงเล็กน้อยก็จะทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น

ประการที่สอง ในช่วงเวลาของความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เช่น วิกฤตการเงิน หรือความไม่มั่นคงทางการเมือง ธนาคารกลางสามารถเข้าแทรกแซงได้ด้วยการปรับนโยบายการเงิน: เปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย จัดพิมพ์เงินเพิ่ม หรือถอนเงินออกจากระบบการเงิน

การลดอัตราดอกเบี้ย หรือจัดพิมพ์เงินเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อเริ่มสูงขึ้นซึ่งจะทำให้สกุลเงินของประเทศไม่มีค่า ในช่วงเวลานั้น ราคาทองคำจะสูงขึ้นเนื่องจากทองคำถูกใช้เป็นสินทรัพย์เพื่อป้องกัน และประกันอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และธนาคารกลางลดงบดุลลงจะทำให้สกุลเงินของประเทศเพิ่มขึ้น และราคาทองคำลดลง นี่คือสถานการณ์ในปี พ.ศ. 2565 เมื่อธนาคารกลางของโลกเริ่มเพิ่มอัตราดอกเบี้ย และดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิปี พ.ศ. 2565 ส่งผลให้ราคาทองคำเริ่มลดลง และถึงจุดต่ำสุดในช่วงปลายปี พ.ศ. 2565 เมื่อธนาคารกลางเริ่มลดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

  1. อุปสงค์ และอุปทานของตลาด

เช่นเดียวกับสินทรัพย์ส่วนใหญ่ในตลาดที่เปิด ความต้องการทองคำที่มากเกินไป (โดยปกติจะเป็นเครื่องประดับ หรือผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรม และเทคโนโลยีบางอย่าง) ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น (สมมติว่ามีอุปทานคงที่) ในทางกลับกัน อุปสงค์ที่อ่อนตัวลงมักจะส่งผลตรงกันข้ามกับมูลค่าของทองคำซึ่งทำราคาทองคำลดลง (สมมติว่าอุปทานคงที่)

ควรสังเกตเกี่ยวกับการซื้อขายแลกเปลี่ยนกองทุนรวมดัชนี (ETF) ด้วย ETF ขนาดใหญ่จำนวนมากถือครองทองคำที่สามารถจับต้องได้จำนวนมาก การไหลเข้า และการไหลออกของเงินทุนจาก ETF ดังกล่าวสามารถส่งผลกระทบต่อราคาของโลหะมีมูลค่า เปลี่ยนแปลงลักษณะของอุปสงค์ และอุปทานในตลาด

  1. ความตื่นตระหนกทั่วโลก และภัยธรรมชาติ (สงคราม แผ่นดินไหว สึนามิ)

ราคาทองคำมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย เนื่องจากรัฐบาล และนักลงทุนหันมาใช้ทองคำเป็นเครื่องประกันความไม่แน่นอน ในทางกลับกัน ราคาทองคำมีแนวโน้มลดลงในช่วงเวลาที่มีเสถียรภาพเนื่องจากแหล่งการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากกว่า และอาจมอบผลกำไรได้สูงกว่าซึ่งทำให้เติบโตได้มากขึ้น

  1. การพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ

เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นกลไกการกำหนดราคามาตรฐานสำหรับทองคำ ราคาทองคำจึงมีความสัมพันธ์ผกผันกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ โดยปกติแล้ว หากดัชนีค่าเงินดอลล่าร์เพิ่มขึ้นจะทำให้พันธบัตรรัฐบาลสูงขึ้น และราคาทองคำลดลง ในทางกลับกัน การร่วงลงของเงินดอลลาร์ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลง และส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้น เมื่อเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลง นักลงทุนจึงหันมาหาทองคำเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย และสิ่งนี้มีส่วนทำให้ราคาของทองคำสูงขึ้น ควรสังเกตว่าเมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น ทองคำจะมีราคาแพงกว่าสำหรับประเทศอื่น ๆ ที่ต้องการซื้อทองคำ

ทำไมนักเทรดถึงชอบซื้อขายทองคำ?

  1. สินทรัพย์มีสภาพคล่อง และความผันผวนที่ดี
  2. นักลงทุนชอบที่จะซื้อทองคำเพื่อเป็นที่หลบภัยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำ ในขณะที่ทองคำมีแนวโน้มที่จะรักษามูลค่าของมันเอาไว้ได้
  3. เพื่อรับประโยชน์จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า และป้องกันเงินเฟ้อ
  4. เพื่อกระจายพอร์ตการลงทุน

วิธีที่ง่ายที่สุดในการซื้อขายโลหะมีมูลค่าคือการแลกเปลี่ยนทางการเงิน ลงทุนในบริษัทเหมืองทอง หรือซื้อขาย ETF ที่ติดตามราคาทองคำ

ขอให้ได้รับกำไรจากการซื้อขายนะคะ!