ทฤษฎี Darvas Box เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่น่าสนใจซึ่งถูกพัฒนาโดย Nicolas Darvas นักลงทุนที่เรียนรู้ด้วยตนเอง และนักเต้นมืออาชีพที่เปลี่ยนการลงทุน 25,000 ดอลลาร์ให้เป็น 2 ล้านดอลลาร์ภายใน 18 เดือนในช่วงปลายทศวรรษ 1950 วิธีการที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาซึ่งผสมผสานองค์ประกอบของการวิเคราะห์ทางเทคนิค และจิตวิทยาตลาดเข้าด้วยกัน ได้กลายเป็นแนวทางที่ได้รับการยอมรับในการระบุ และใช้ประโยชน์จากเทรนด์ของตลาดหุ้น แม้ว่าทฤษฎีนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อการซื้อขายหุ้นในช่วงเริ่มต้น แต่หลักการสำคัญของทฤษฎีนี้ก็มีความหลากหลาย และสามารถนำไปใช้กับตลาดอื่น ๆ ได้ รวมถึง ตลาดฟอเร็กซ์ด้วย
แนวทางของ Darvas นั้นมีความหวกแนวด้วยการผสมผสานการวิเคราะห์ทางเทคนิคเข้ากับจิตวิทยาตลาด เขาศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาอย่างพิถีพิถัน และสังเกตว่าหุ้นมักซื้อขายภายในช่วงที่กำหนด หรือ “กล่อง” ก่อนที่ราคาจะทะลุแนวรับ หรือแนวต้าน กลยุทธ์ของเขามุ่งหวังที่จะใช้ประโยชน์จากการทะลุแนวรับ หรือแนวต้านไปพร้อม ๆ กับลดความเสี่ยงซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพสูงในตลาดหุ้น และสามารถปรับตัวเข้ากับตลาดอื่น ๆ ได้ ในตลาดฟอเร็กซ์ คู่สกุลเงิน และตราสาร CFD อื่น ๆ มักจะแสดงเทรนด์ที่คล้ายคลึงกับที่พบในหุ้นซึ่งทำให้ทฤษฎี Darvas Box สามารถนำไปใช้กับตลาดอื่น ๆ ได้
การสร้างกล่อง: กล่องจะถูกสร้างขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์มีความผันผวนระหว่างจุดสูงสุด และต่ำสุดที่สม่ำเสมอในช่วงเวลาหนึ่ง ขีดจำกัดบนของกล่อง คือ ราคาสูงสุดที่สินทรัพย์ถึงก่อนที่จะถูกดึงกลับ ในขณะที่ขีดจำกัดล่าง คือ ราคาต่ำสุดก่อนจะดีดตัวกลับ ช่วงที่ถูกกำหนดนี้ถือเป็นกล่อง
ปริมาณเป็นเครื่องมือในการยืนยัน: ในตลาดหุ้น Darvas เน้นย้ำถึงความสำคัญของปริมาณเป็นเครื่องมือในการยืนยันสำหรับราคาที่ทะลุแนวรับ หรือแนวต้าน ปริมาณที่เพิ่มขึ้นสูงในระหว่างที่ราคาทะลุแนวรับ หรือแนวต้านนั้นบ่งชี้ให้เห็นว่ามีความสนใจของตลาดที่แข็งแกร่งซึ่งมีเทรนด์ที่ยั่งยืนเพิ่มขึ้น ในตลาดเช่น ฟอเร็กซ์ แม้ว่าข้อมูลปริมาณจะมีความโปร่งใสน้อยกว่า แต่นักเทรดก็สามารถใช้ตัวบ่งชี้อื่น ๆ เช่น ความเคลื่อนไหว หรือความผันผวนเพื่อยืนยันราคาที่ทะลุแนวรับ หรือแนวต้านได้
เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์มีลักษณะตลอด 24 ชั่วโมง และมีความผันผวนสูง การใช้ตัวบ่งชี้ เช่น ความเคลื่อนไหว หรือความผันผวนแทนปริมาณจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์ Darvas Box ได้
กลยุทธ์ราคาทะลุแนวรับ หรือแนวต้าน: กลยุทธ์ราคาทะลุแนวรับ หรือแนวต้านเป็นกลยุทธ์หลักของทฤษฎี Darvas Box เมื่อราคาของสินทรัพย์ทะลุขีดจำกัดบนของกล่อง มันจะส่งสัญญาณว่าอาจเกิดเทรนด์ขาขึ้น และกระตุ้นให้เกิดการซื้อ ในทางกลับกัน หากราคาตกต่ำกว่าขีดจำกัดล่าง มันบ่งบอกว่าอาจเกิดเทรนด์ขาลงซึ่งนำไปสู่การขาย หรือการหลีกเลี่ยงสินทรัพย์
คุณจะใช้ Darvas boxes ในตลาดฟอเร็กซ์ได้อย่างไร?
เนื่องจาก Darvas ใช้ทฤษฎีกล่องของเขากับตลาดหุ้นสหรัฐฯ และใช้กราฟรายวันเป็นหลักสำหรับตราสารอื่น ๆ และกรอบเวลาที่ต่ำกว่า จึงจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยในการสร้างกล่อง
หากคุณใช้กรอบเวลาต่ำกว่ารายวัน เช่น 1 ชั่วโมง หรือ 15 นาที ขอแนะนำให้ใช้การดีดตัวกลับ 3 บาร์ แทนที่จะดีดตัวกลับแค่หนึ่งบาร์ กล่องมีลักษณะอย่างไรบนกราฟ?
ราคาก่อตัวเป็นจุดสูงสุด และหาก 3 แท่งถัดไปปิดอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุด —เราจะมีขอบเขตอยู่ที่ด้านบนของกล่อง สำหรับขอบเขตล่าง ทุกอย่างจะเหมือนเดิม — หากมีการก่อตัวของจุดต่ำขึ้น และหลังจากนั้น 3 แท่งถัดไปจะไม่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดนี้ เราจะมีขอบเขตอยู่ที่ด้านล่างของกล่อง
ราคาทะลุ และการปิดของราคาด้านบน หรือด้านล่างของกล่องจะถือเป็นสัญญาณให้เข้าตลาด
ควรพิจารณาราคาทะลุออกจากแนวรับ/ต้านที่ไม่สำเร็จด้วยเนื่องจากมันเป็นการขยายขอบเขตของกล่อง หากราคาทะลุออกจากล่อง บนบาร์ถัดไปย้อนกลับมา และราคาจะปิดอยู่ภายในกล่อง – และนี่คือราคาทะลุออกจากแนวรับ/ต้านที่ไม่สำเร็จซึ่งควรปิดตำแหน่งทันที
กล่องที่มีขนาดเล็กกว่าสามารถก่อตัวเป็นกล่องขนาดใหญ่ และทับซ้อนกันได้
ข้อดีของทฤษฎี Darvas Box
ความเรียบง่าย: แนวทางนี้ตรงไปตรงมา และไม่ต้องใช้ตัวบ่งชี้ที่ซับซ้อน หรือการวิเคราะห์ตลาดมากเกินไป
มุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนไหว: มุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์ที่กำลังได้รับแรงผลักดันซึ่งสามารถนำไปสู่การซื้อขายที่ทำกำไรได้
การจัดการความเสี่ยง: ด้วยการกำหนดขอบเขตของการซื้อ และขายที่ชัดเจน นักเทรดสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อจำกัดของทฤษฎี Darvas Box
สภาวะตลาด: กลยุทธ์อาจทำงานได้ไม่ดีในตลาดด้านข้าง หรือตลาดที่ผันผวนซึ่งราคาไม่สร้างเทรนด์ที่ชัดเจน (ราคาอาจทะลุแนวรับ/ต้านไม่สำเร็จหลายครั้งก่อนที่เทรนด์ที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้น)
บทสรุป
ทฤษฎี Darvas Box เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่มีประสิทธิภาพซึ่งครอบคลุมมากกว่าการใช้ในตลาดหุ้นในช่วงเริ่มต้น ทฤษฎีนี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าสำหรับนักเทรดในตลาดต่าง ๆ รวมถึง ตลาดฟอเร็กซ์ และสินค้าโภคภัณฑ์โดยมุ่งเน้นไปที่ช่วงราคา ราคาทะลุแนวรับ หรือแนวต้าน และการซื้อขายที่มีระเบียบวินัย
